7 ทีมฟุตบอลม้ามืด ที่ฟอร์มดีจนเข้ารอบแข่งฟุตบอลโลก ปี 2022

Rate this post

ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วในอีกสองอาทิตย์นี้ โดยการแข่งขันจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 21 พฤศจิกายนถึง 18 ธันวาคม 2022 เท่านั้น.

ในขณะที่บางประเทศถูกเล็งเป็นเป้าหมายจากแฟนๆทั่วโลกหลายๆ ว่าเป็นทีมเต็งหนึ่งที่จะคว้าถ้วยรางวัลชัยชนะของการแข่งขันนี้ แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจไป นอกจากทีมเก่งๆที่ทุกคนต่างคาดหวังไว้ ในปีนี้เองก็มีม้ามืดบางทีมได้เกิดขึ้นแล้ว ในการแข่งขันเพื่อเป็นแชมป์โลก.

สำหรับทีมม้ามืด ก็คือ ทีมที่มีโอกาสชนะต่ำหรือถูกประเมินต่ำเกินไป อย่างไรก็ดีม้ามืดเหล่านี้ ก็ได้โอกาสผงาดบนเวทีฟุตบอลโลกของปีนี้แล้ว ว่าแต่จะเป็นทีมไหนบ้าง ไปดูกัน กับ 7 ทีมม้ามืด ที่เข้ารอบเพื่อชิงแชมป์ฟุตบอลโลก ในปี 2022.

 

  1. ประเทศ เซเนกัล

เมื่อคืนวันอังคารที่ 29 มี.ค. 65 ทีมชาติเซเนกัล ของ ซาดิโอ มาเน ดวลจุดโทษชนะ ทีมชาติอียิปต์ ทำให้ทีมคว้าตั๋วไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ที่กาตาร์, ปัจจุบัน ทีมชาติ เดอะ ไลออน ออฟ เตแรงก้า (The  Lions of Teranga) เรียกได้ว่าอยู่ใน “ยุคทอง” ของพวกเขาเลย.

เซเนกัลไม่ใช่ทีมแปลกหน้า เมื่อพูดถึงความคาดหมายที่เหนือความคาดหมายในการแข่งขัน FIFA World Cup ก่อนหน้านี้ ทีมชาติเองเคยมีโอกาสได้ลงแข่งในสนามบอลโลกมาแล้ว และผ่านเข้ารอบเกือบถึงทีมชนะเลิศ โดยทำสำเร็จครั้งแรกในปี 2002 ในการแข่งขันฟุตบอลโลกที่จัดโดยเกาหลีใต้/ญี่ปุ่น พวกเขาเอาชนะแชมป์เก่าอย่างฝรั่งเศสอย่างตกตะลึง และผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ด้วย (เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ).

และนี้ คือรายชื่อ 11 ตัวจริงของ ทีมชาติเซเนกัล: เอดูอาร์ด เมนดี (GK), ยุสซุฟ ซาบาลี, คาลิดู คูลิบาลี, ปาป อาบู ซิสเซ, ซาลิอู ซิสส์, น็องปาลิส เมนดี, อิดริสซา กานา เกย์, บูนา ซาร์, ซาดิโอ มาเน, อิสไมลา ซาร์ และ บูลาย เดียร์

ดูเหมือนว่า ประเทศเซเนกัลที่เป็นประเทศเล็กๆในแอฟริกาใต้จะเป็นความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปทางใต้ในกาตาร์ปีนี้.

 

  1. ประเทศ โครเอเชีย

โครเอเชีย เคยทำให้คนทั้งโลกตะลึงด้วยการไปถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายในปี 2018 โดยแพ้ให้กับฝรั่งเศสในรอบชิงชนะเลิศเท่านั้น.

ชาวโครแอตได้อวดกับทุกคนว่า ทีมมีผู้เล่นที่มีประสบการณ์สูงและบางคนก็มีค่าตัวที่สูงในตลาดการซื้อขาย เช่น ลูก้า โมดริช, อีวาน เปริซิช, มาเตโอ โควาซิช, ดูเจ, คาลิต้า คาร์, ชิเม เวอร์ซัลจ์โค, มาร์เซโล โบรโซวิช, มาริโอ ปาซาลิช และเดยัน ลอฟเรน.

โดยนักเตะเหล่านี้ยังเป็นตัวแทนของทีมชาติในทีมปัจจุบัน ที่เล่นด้วยกันมานานและได้รับประสบการณ์มากมาย พวกเขาอาจทำให้เกิดเรื่องที่เป็นดังประวัติศาสนต์ของรัสเซียดังในปี 2018 อีกครั้ง และก้าวไปอีกขั้นหนึ่งเพื่อรับรางวัลสูงสุดให้กับประเทศได้ในปีนี้.

รายชื่อนักเตะของทีมชาติ: ลูก้า โมดริช, อีวาน เปริซิช, โดมาโกจ วิดา, มาเตโอ โควาซิช, มาราเซโล่ โบรโซวิช, เดยัน ลอฟเรน

อังเดจ กรามาริค, มาริโอ ปาซาริค, นิโคลา วลาซิช, อันเต บูดิเมียร์, โดมินิค ลิวาโควิค.

 

  1. ประเทศ เบลเยี่ยม

ทีมชาติเบลเยี่ยมปัจจุบันได้รับการยกย่องว่าเป็น “ยุคทอง” และได้รับการเสนอชื่อเพื่อคว้าแชมป์รายการใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังขาดความหวังในทีมอยู่เสมอ เนื่องจากนักเตะเก่งๆ ส่วนใหญ่อายุมากขึ้น แต่ในกาตาร์ ปี 2022 นี้ แต่อย่าลืมไปว่าทีมมีนักเตะที่ยอดเยี่ยมอย่าง เควิน เดอ บรอย และธิโบต์ กรูตัวร์ อยู่ด้วย นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาที่จะคว้าแชมป์ฟีฟ่าเวิลด์คัพ คาดว่าเบลเยียมจะทุ่มสุดตัวในทัวร์นาเมนต์ และด้วยความสามารถของผู้เล่นที่พวกเขามี พวกเขาจึงเป็นม้ามืดที่ไม่สามารถมองข้ามได้จริงๆ.

รายชื่อนักเตะ:  เอเดน อาซาร์ด, เควิน เดอ บรอยน์, โรเมลู ลูกากู, ธิโบต์ กูร์ตัวส์, ดรีส์ เมอร์เทนส์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, ยาน แวร์โตเก้น, ยูริ ตีเลมันส์, อัดนาน จานูซาจ, มิชี่ บัตชูอายี่, ธอร์แกน อาซาร์ด, แอ็กเซล วิทเซล, ยานนิค คาร์ราสโก้, คริสเตียน เบนเตเก้ และ ดิว็อค โอริกี.

 

  1. ประเทศ เนเธอร์แลนด์

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ผลิตนักเตะที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล แต่เนเธอร์แลนด์ก็ไม่เคยได้แชมป์ฟีฟ่าเวิลด์คัพและต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการอกหักมากมายในทัวร์นาเมนต์.

ชาวดัตช์เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศโลกสามครั้งแต่พ่ายแพ้ทั้งหมด โดยครั้งล่าสุดคือการสูญเสีย 1-0 ให้กับสเปนในปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ ก่อนการชนะเลิศ ทุกวันนี้พวกเขาไม่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในทีมเต็งอีกต่อไป แต่พวกเขาเป็นม้ามืดและสามารถดึงความประหลาดใจให้กับแฟนๆได้ในปีนี้.

ฮอลแลนด์มีผู้เล่นอายุน้อยที่เก่งที่สุดในโลกในขณะนี้ เช่น มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์, เฟรงกี้ เดอ ยอง, สตีเว่น เบิร์กไวจ์น, ไรอัน กราเวนเบิร์ช,, อาร์เนาต์ ดันจูมา, ควินซี่ โพรเมส,ดอนนี่ ฟาน เดอ บีค, เดนเซล ดัมฟรีส์, เจอร์รีน ทิมเบอร์ และ นาธาน อาเค พร้อมกับนักเตะที่มีชื่อเสียงอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (กัปตันทีม), แจสเปอร์ ซิลเลสเซ่น, บรูโน่ มาร์ตินส์ อินดี้, สเตฟาน เดอ วริจ, ดาลีย์ บลินด์, เมมฟิส เดปาย และ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม กับหลุยส์ ฟาน ฮาล ผู้จัดการทีมรุ่นเก๋าที่คุมทีม ทำให้ทีมเนเธอร์แลนด์ในปัจจุบัน มีโอกาสมหาศาลที่จะพลิกหน้าประวัติศาสตน์ในกาตาร์ปีนี้.

 

  1. ประเทศ โปรตุเกส

โปรตุเกสเป็นที่รู้จักในด้านการผลิตนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่การคว้าแชมป์ฟีฟ่าเวิลด์คัพนั้นต้องใช้ความพยายามร่วมกันจากทั้งทีม แต่โดยปกติแล้วชาวโปรตุเกสจะมีซุปเปอร์สตาร์สักหนึ่งคนในทีมของพวกเขาในยุคใดยุคหนึ่ง.

ทีมโปรตุเกสในปัจจุบันไม่ได้มีแค่คริสเตียโน โรนัลโดเท่านั้น แต่ยังมีผู้เล่นที่ดีคนอื่นๆ เช่น บรูโน่ แฟร์นันเดส, แบร์นาร์โด ซิลวา, เจา เฟลิกซ์, เปเป้, เจา คันเซโล, รูเบ็น เนเวซ, ชูเอา มูตินโญ, อังเดร ซิลวา, ราฟาเอล เลโอ, กอนกาโล่ เกเดส และดิโอโก้ โชต้า .

ผู้เล่นเหล่านี้ไม่ได้เล่นในระดับสูงสุดเท่านั้น แต่ยังเล่นด้วยกันเป็นทีมมาหลายปี โปรตุเกสช็อคโลกด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 2016 และยูฟ่า เนชั่นส์ ลีกในปี 2019 และต้องบอกว่าพวกเขาอาจสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกกาตาร์ 2022 ได้.

สำหรับ คริสเตียโน โรนัลโด ตอนนี้อายุ 37 ปีแล้ว ในปีนี้เขาจะลงแข่งขันฟุตบอลโลกเป็นครั้งสุดท้ายและจะทำทุกอย่าง รวมถึงการกระตุ้นให้เพื่อนร่วมทีมของเขาชนะให้ได้ในปีนี้.

 

  1. ประเทศ อุรุกวัย

ทีมชาติอุรุกวัยเป็นม้ามืดอีกทีมหนึ่งในฟุตบอลโลก 2022 จากกลุ่ม H ข้างโปรตุเกส ประเทศในอเมริกาใต้ทำผลงานได้ดีที่ มันดิเอล และกาตาร์ฟุตบอลโลกปี 2022 อาจเป็นฤดูกาลที่ได้ชัยชนะสำหรับพวกเขา.

ลา เซเลสเต้ ไม่ได้ถูกเสนอเป็นทีมเต็งที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปีนี้ สาเหตุหลักมาจากผลงานที่ย่ำแย่ในรอบคัดเลือก คอนเมโบล ฟีฟ่า คัพ ซึ่งพวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อจบอันดับสามได้.

อย่างไรก็ตาม แฟนบอลไม่ควรวางใจกับทีมอุรุกวัยชุดนี้ พวกเขาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างนักเตะเยาวชนและนักเตะมากประสบการณ์ ทีมของพวกเขาประกอบด้วยนักเตะขุนศึกที่มีประสบการณ์ฟุตบอลโลก เช่น หลุยส์ ซัวเรซ, เฟร์นานโด มุสเลร่า, ดิเอโก้ โกดิน และ เอดินสัน คาวานี่.

ในขณะเดียวกัน อุรุกวัยมีผู้เล่นอายุน้อยที่มีความสามารถมากมายที่ทำได้ดีในสโมสรของพวกเขา เช่น ดาร์วิน นูเญซ, แม็กซี่ โกเมซ, โรนัลด์ อราอูโจ, เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ และ โรดริโก้ เบนตานกูร์.

 

  1. ประเทศ กาตาร์ (เจ้าภาพ)

ครั้งสุดท้ายที่จัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในเอเชีย หนึ่งในเจ้าภาพที่เป็นม้ามืดที่สุด และขึ้นเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลที่โดดเด่นที่สุดเพื่อไปถึงรอบรองชนะเลิศ.

กาตาร์มีความสามารถที่จะทำให้โลกช็อคในฟุตบอลโลกที่กำลังจะมาถึง เจ้าภาพคว้าแชมป์เอเชียนคัพครั้งแรกในปี 2019 และจบการแข่งขันฟีฟ่าอาหรับคัพปี 2021.

โค้ชทีมชาติกาตาร์ เฟลิกซ์ ซานเชซ คุมทีมมาตั้งแต่ปี 2017 และได้สร้างทีมที่แข็งแกร่ง ทีมมารูนส์ ยังประกอบด้วยนักเตะที่เล่นในลีกฟุตบอลกาตาร์และเข้าบอลกันได้ดี คงจะเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างยิ่งหากกาตาร์ไปได้ไกลในฟุตบอลโลกที่จะมาถึง แต่ก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน.

 

  1. ประเทศ เซอร์เบีย

เซอร์เบีย เป็น 1 ใน 13 ชาติที่ร่วมดวลแข้งในศึกฟุตบอลโลก ตั้งแต่ครั้งแรก เมื่อปี 1930 สมัยที่พวกเขายังใช้ชื่อว่า ยูโกสลาเวีย และหลังจากนั้นก็สามารถผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายอีกหลายครั้ง พร้อมกับชื่อประเทศที่เปลี่ยนมาเป็น เซอร์เบีย และ มอนเตเนโกร จนกระทั่งปัจจุบันเป็น “เซอร์เบีย” ที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน.

สำหรับฟุตบอลโลก 2022 ถือเป็นการเข้ามาลุยรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 3 ของพวกเขา โดยมีผลงานดีที่สุดคือ การคว้าอันดับ 4 ในปี 1930 และ 1962 ส่วนเส้นทางคว้าตั๋วมาโชว์ฝีเท้าที่กาตาร์ เซอร์เบียจบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเอ ในรอบคัดเลือก โซนยุโรป จากผลงานลงสนาม 8 นัด ชนะ 6 เสมอ 2 และไม่แพ้ใครเลย.

อย่างไรก็ดี เซอร์เบียชุดปัจจุบันยังมีแข้งประสบการณ์สูง อาทิ ดูซาน ทาดิช (อาแจ็กซ์) เนมานยา กูเดลจ์ (เซบีย่า) ผนึกกำลังกับแข้งวัยห้าว ไมว่าจะเป็น เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช (ลาซิโอ) ลูก้า โยวิช (ฟิออเรนติน่า) มาร์โก กรูยิช (ปอร์โต้) อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช (ฟูแล่ม) และที่ต้องจับตาคือ ดูซาน วลาโฮวิช หัวหอกวัย 22 ปีจากยูเวนตุส.

 

  1. ประเทศ โมร็อกโก

โมร็อกโก ผ่านเวทีฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายมาแล้ว 5 ครั้งในปี 1970, 1986, 1994, 1998 และ 2018 โดยผลงานดีที่สุดของพวกเขาคือการเข้ารอบสอง หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายในปี 1986 ส่วนครั้งอื่นๆ จอดป้ายที่รอบแรกเท่านั้น.

สำหรับเส้นทางการเข้ามาสู่ฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งเป็นเวิลด์คัพสมัยที่ 6 ของพวกเขา โมร็อกโกเริ่มจากการคว้าแชมป์กลุ่มไอ ในรอบคัดเลือก รอบสอง โซนแอฟริกา โดยเป็นทีมเดียวที่ชนะ 6 นัดรวด เก็บ 18 คะแนนเต็ม หลังจากนั้นปราบ ดีอาร์ คองโก ด้วยสกอร์รวม 5-2 ในรอบคัดเลือก รอบสาม กระชากตั๋วเตรียมตัวบินไปโชว์ฝีเท้าที่กาตาร์ได้สำเร็จ.

ขณะที่ขุมกำลังของโมร็อกโกถือว่าไม่ธรรมดา โดยมีผู้เล่นหลายคนที่ฝังตัวอยู่กับสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรป อาทิ โรแม็ง ซาอิสส์ (เบซิคตัส) นูสแซร์ มาซราอุย (บาเยิร์น มิวนิค) ซอฟยาน อัมราบัต (ฟิออเรนติน่า) ยูสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ (เซบีย่า) และ อาชราฟ ฮาคิมี่ แบ็กขวาจอมบุกวัย 23 ปีจากปารีส แซงต์-แชร์กแมง ฮาคิมี่ ถือเป็นซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของโมร็อกโกยุคนี้ ด้วยดีกรีผ่านการค้าแข้งกับสโมสรดังมาแล้วทั้ง เรอัล มาดริด, ดอร์ทมุนด์, อินเตอร์ มิลาน จนปัจจุบันมาอยู่กับเปแอสเช นอกจากนี้ยังคว้าแชมป์และรางวัลเกียรติยศส่วนตัวมามากมายนับไม่ถ้วน.

 

  1. ประเทศ เวลส์

เวลส์ ได้ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกหนแรกนับตั้งแต่ปี 1958 โดยอยู่ร่วมสาย บี กับ สหรัฐ, อิหร่าน และ อังกฤษ การลงเล่นใน World Cup รอบสุดท้ายครั้งแรกในรอบ 64 ปี.

โดยมีชื่อที่ทุกคนรู้จักคือ “มังกรแดง” แต่ทีมเตรียมเปลี่ยนชื่อ ทีมฟุตบอลของตัวเองไปใช้ชื่อว่า “คัมรี” สำหรับการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ หลังจากการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ จบลง

ทีมชาติเวลส์ ติดทีมอันดับ 19 ของโลก สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าสู่ ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 64 ปี หลังเบียดเอาชนะ ยูเครน 1-0 ในเกมเพลย์ออฟ โซนยุโรป.

นักเตะตัวหลักที่คาดว่าจะติดทีมชาติเวลส์ไปลุยฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย แนวรับนำโดย เบน เดวีส์ แบ็กซ้ายจาก สเปอร์ส พร้อมสายเลือดใหม่อย่าง เนโก้ วิลเลี่ยมส์ และโจ โรดอน เป็นกำลังหนุน แดนกลางนำโดยมิดฟิลด์ประสบการณ์สูงอย่าง โจ อัลเลน (สวอนซี) และอาร่อน แรมซีย์ (นีซ) ส่วนความอันตรายของเวลส์ชุดนี้อยู่ที่แดนหน้าที่มีทั้ง แกเร็ธ เบล (ลอสแอนเจลิส เอฟซี) , แดเนี่ยล เจมส์ (ฟูแล่ม) และ เบรนแนน จอห์นสัน (ฟอเรสต์)

 

คุณคิดว่ามีทีมใดอีกบ้าง ที่สามารถสร้างความประหลาดใจร่วมเป็นม้ามืดในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์นี้?

 

Last update: : พฤศจิกายน 2, 2022

Category: News